ในปี 2025 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แต่ต้องเผชิญกับทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ จากปัจจัยทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
1. การเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมในเขตชานเมือง
ด้วยการขยายตัวของระบบขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานในเขตชานเมืองของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่เหล่านี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคเริ่มมองหาที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่สูงเกินไป แต่ยังคงสามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวก ทำให้โครงการคอนโดมิเนียมในเขตชานเมืองได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
2. เทคโนโลยี PropTech เข้ามามีบทบาทสำคัญ
เทคโนโลยี PropTech (Property Technology) กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อ-ขายและจัดการอสังหาริมทรัพย์ แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถดูข้อมูลโครงการ อัตราดอกเบี้ย และแม้แต่การชมแบบห้องผ่าน Virtual Reality (VR) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้ Blockchain เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการทำสัญญาซื้อขายก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรง
3. ความต้องการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
ในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำและตลาดหุ้นมีความผันผวน อสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในทำเลดีและมีศักยภาพในการสร้างรายได้จากการเช่า เช่น คอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้า หรือออฟฟิศในเขตธุรกิจ
4. ความท้าทายจากกฎระเบียบและภาษี
แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีความน่าสนใจ แต่ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากกฎระเบียบใหม่ๆ และมาตรการภาษีที่อาจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการควบคุมการเก็งกำไรและการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งอาจส่งผลต่อต้นทุนและกำไรของผู้ประกอบการ
5. ความยั่งยืนเป็นปัจจัยสำคัญ
ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น โครงการที่ใช้พลังงานสะอาด มีระบบจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ และใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะได้รับความสนใจจากผู้ซื้อมากขึ้น
สรุป
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2025 ยังคงมีโอกาสเติบโต แต่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมทั้งเตรียมรับมือกับความท้าทายด้านกฎระเบียบและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความได้เปรียบในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
